การฝ่าฟันหนทาง
สร้างโรงพยาบาลปลอดบุหรี่อย่างยั่งยืน
ตอน ขอบคุณค่ะ ผู้กำกับฯ
“คุณพยาบาลครับ หลังเลิกประชุมพบผมหน่อยนะครับ” ผู้ที่เป็นพยาบาล (หนึ่งเดียวในที่ประชุมอำเภอ)
รู้สึก.วาบๆ !! พิกล ก็จะไม่ให้รู้สึกเช่นนั้นได้อย่างไรคะ ในเมื่อผู้พูดนั้น เป็นถึงขั้นผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธร
สภ. ถึงจะวาบแต่ก็ไม่สะทกสะท้านเพราะเราไม่ได้กระทำสิ่งใดผิด
โรงพยาบาลของเราเป็นโรงพยาบาลบ้านนอก อยู่ในต่างจังหวัด เป็นจังหวัดที่ติดชายแดนประเทศกัมพูชา
(แต่ไม่ได้อยู่เขตชายแดนค่ะ) เป็นโรงพยาบาลชุมชนขนาด
30 เตียง เป็นแหล่งฝึกงานของพยาบาลชาวกัมพูชา ทั้งๆ ที่โรงพยาบาลของเราไม่ได้อยู่เขตชายแดน
แต่เหตุผลที่เป็นแหล่งฝึกงานเนื่องจากท่านผู้อำนวยการของเราสามารถพูดภาษากัมพูชาได้ค่ะ เราเป็นโรงพยาบาลปลอดบุหรี่ตั้งแต่ปี
พ.ศ. 2551 บรรยากาศน่าอยู่ ไร้ควันบุหรี่ เจ้าหน้าที่ทุกคนต่างทำหน้าที่ของตนเองอย่างดี ทั้งงานในหน้าที่
ที่อยู่ตรงหน้า(หน้าที่หลัก) และงานนอกหน้าที่ คืองานอื่นๆ ที่ได้รับมอบหมาย (หน้าที่รอง....ซึ่งมีมากมายเสียด้วย)
หนึ่งในงาน ของหน้าที่รอง ของบุคลากรโรงพยาบาลของเรา ก็คือ
งานช่วยค้นหาผู้ที่กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองสุขภาพของผู้ที่ไม่สูบบุหรี่
พ.ศ. 2535 ในเขตโรงพยาบาล (พูด ให้เข้าใจง่ายๆก็คือการสำรวจ
ค้นหาผู้ที่สูบุหรี่ในเขตโรงพยาบาลของเรานั่นเอง ) เนื่องจากเรามีข้อปฏิบัติร่วมกันว่า
เมื่อพบผู้สูบบุหรี่ให้ช่วยเตือนและขอความร่วมมือปฏิบัติตาม พ.ร.บ.คุ้มครองสุขภาพของผู้ที่ไม่สูบบุหรี่
พ.ศ. 2535 ด้วย หรือไม่ก็ชวนให้ผู้สูบบุหรี่เข้าคลินิกอดบุหรี่ของโรงพยาบาลซะ
และที่สำคัญต้องไม่ลืมที่จะแจ้งผลงานให้พยาบาลผู้รับผิดชอบทราบ
เพื่อจะได้บันทึกผลการแจ้งฯ ลงในสมุดรับแจ้งการสูบบุหรี่ในเขตโรงพยาบาลด้วย เพราะจะเป็นผลงานที่จะทำให้เขาได้รับรางวัลเมื่อสิ้นปีงบประมาณ
พวกเราชาวโรงพยาบาลทำจนเป็นวัฒนธรรมแล้ว
ส่งผลให้โรงพยาบาลมีอากาศที่บริสุทธิ์ปราศจากควันบุหรี่
แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีคนสูบเลยนะคะ นานๆครั้งจะพบคนสูบ ส่วนใหญ่เป็นพ่อค้าขายของที่มาจากต่างถิ่นที่ไม่ทราบนโยบายของเราหรือ
ทำเป็นไม่รู้กฎหมาย ไม่สนใจป้ายห้ามสูบที่เราติดไว้ทั่วโรงพยาบาล (คุ้นๆตานะคะ คนประเภทนี้ ที่เรามักจะเห็นจนเกลื่อนเมืองไทย) และที่พบบ่อยคือ
ก้นบุหรี่ที่หน้าทางเดินขึ้นตึกผู้ป่วยใน ซึ่งส่วนใหญ่พบแต่ร่องรอยการสูบเนื่องจากช่วงค่ำๆ จะมีญาติมาเยี่ยมผู้ป่วยจำนวนมากทุกวัน นี้เป็นโอกาสพัฒนาที่เรากำลังหาทางแก้ไขอยู่ เนื่องจากเราเป็นโรงพยาบาลขนาดเล็กไม่มีคุณยามช่วยดูแลช่วงกลางคืน แต่ประชาชนในสิ่งพื้นที่
ส่วนใหญ่ทราบนโยบายของโรงพยาบาลอยู่แล้ว เนื่องจากทางโรงพยาบาลได้บันทึกเสียงที่ของท่านผู้อำนวยการที่กล่าวประชาสัมพันธ์นโยบายและข้อตกลงของโรงพยาบาลไว้ในแผ่นซีดี
แจกให้กับทุกหมู่บ้านเพื่อเปิดที่หอกระจายข่าวทุกๆวัน นอกจากนี้ในช่วงเวลา08.30-08.40น.ของทุกวันเวลาราชการโรงพยาบาลจะเปิดเสียงตามสายที่เป็นเสียงท่านผู้อำนวยการประชาสัมพันธ์นโยบายและข้อตกลงของโรงพยาบาลให้กับเจ้าหน้าที่และผู้มารับบริการได้รับฟังและรับทราบ เมื่อเราพยายามทำให้พื้นที่สูบบุหรี่มีน้อยลง
ทำให้มีคนมาเลิกบุหรี่กับเราเพิ่มขึ้น
ซึ่งถึงแม้ว่าจะทำให้ภาระงานเพิ่มขึ้น
เหนื่อยมากขึ้น ที่ต้องให้คำปรึกษากับผู้ที่ต้องการเลิกบุหรี่ทุกวัน แต่เป็นการเหนื่อยที่
คุ้มค่า ปิติสุข น่าภูมิใจยิ่งนัก เจ้าหน้าที่กู้ชีพในชุมชนก็พลอยเลิกบุหรี่ไปด้วย
ภาพเดิมๆที่เราเคยเห็นคือ
เมื่อเขามาส่งผู้ป่วยหนักหรือผู้ประสบอุบัติเหตุ จนถึงมือหมอและพยาบาลแล้ว เขาจะรีบควักบุหรี่มาจุดสูบทันที ในขณะที่รอฟังผลการตรวจรักษา ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจเพราะคนที่ติดบุหรี่
มักจะเครียดง่ายอยู่แล้ว ยิ่งเมื่อต้องทำหน้าที่แบบนี้
ต้องเครียดกันทุกคน เนื่องจากเป็นเรื่องที่เสี่ยงเป็น เสี่ยงตาย บางกรณีเป็น-ตายเท่ากัน แต่เมื่อโรงพยาบาลของเราเป็นเขตปลอดบุหรี่ ทำให้เขาหาที่สูบยาก จึงจำเป็นต้องเลิกในที่สุด
ในฐานะที่เป็นคนหนึ่งที่ช่วยผลักดันนโยบายโรงพยาบาลปลอดบุหรี่จนเป็นรูปธรรมขนาดนี้
และสามารถช่วยให้คนเลิกบุหรี่ได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นึกทีไร รู้สึกภูมิใจ และอิ่มบุญทุกที
ความรู้สึกดีๆ เริ่มมาสะดุด
ตั้งแต่ปี พ.ศ.2554
เนื่องจากโรงพยาบาลของเราได้แฟลตใหม่ (ที่จริงน่าจะดีใจนะที่ได้ที่อยู่เพิ่มเป็นแฟลตตั้ง
4 ชั้นแน่ะ สะดุดทำไม) ที่ว่าสะดุดเนื่องจาก มีคนงานก่อสร้างจำนวนมาก
และมีจำนวนหนึ่งที่สูบบุหรี่ ได้ปรึกษาร่วมกันกับคณะกรรมการโรงพยาบาลปลอดบุหรี่
มติที่ประชุมคือ ให้พ่อบ้าน(หัวหน้าฝ่ายบริหารฯ) เป็นผู้ไปเจรรากับผู้ควบคุมการก่อสร้างแจ้งถึงนโยบายของเรา
ซึ่งช่วยได้บ้างแต่ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ แก้ไขโดยโทรประสานผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ก็ ……เงียบ.......… อยู่มาวันหนึ่ง คนงานก่อสร้างประสบอุบัติเหตุ ถูกไม้ตกใส่ศีรษะจนเป็นแผล
มาทำแผลที่โรงพยาบาล บางคนเป็นหวัดมาตรวจพยาบาลก็ค่อยๆ เลียบเคียงถามสถานการณ์
ทราบว่าผู้คุมฯสูบเอง ตัดสินใจลงไปเจรราด้วยตนเอง
บุกเดี่ยว แต่ก็สำเร็จค่ะ (แอบสร้างสายลับอยู่ในกลุ่มคนงานหญิง
1 คน เพื่อคอยแจ้งข่าว)
สอบถามคนงานบอกว่า เวลาเขาอยากสูบ เขาจะออกไปนอกโรงพยาบาลค่ะ เฮ่อ! โล่งใจ.............. เมื่อแฟลตสร้างเสร็จได้กล่าวขอบคุณผู้คุมฯและสายลับที่ให้ความร่วมมือ
แต่โล่งใจได้ไม่นาน ปี 2555 ทำให้พวกเราต้องหนักใจอีก เนื่องจากโรงพยาบาลได้งบประมาณสร้างอาคารห้องคลอดห้องผ่าตัด....คณะทำงานเตรียมวางแผนรับสถานการณ์
คราวนี้ก็ดำเนินการเหมือนเดิมคือมอบหมายพ่อบ้านเป็นผู้ไปเจรากับผู้ควบคุมการก่อสร้าง พบปัญหาใหม่คือ คนงานก่อสร้างเป็นชาวกัมพูชา
ผู้ควบคุมการก่อสร้างเป็นคนไทย
คุยกันไม่รู้เรื่อง แต่ก็เป็นความโชคดีที่พยาบาลพูดภาษาถิ่นของจังหวัดได้
(ภาษาเขมร) ได้ลงไปเจราแจ้งเรื่อง พ.ร.บ.คุ้มครองสุขภาพของผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ พ.ศ.
2535 เขาก็รับฟังค่ะ แต่ไม่ปฏิบัติตาม จึงได้ขอความร่วมมืออีกครั้ง ....
“กะมัยจั๊วะเน้อ
เคาะกดมาย ตันรูด นึงโมจั๊บ”
เสียงพยาบาลพูดภาษาเขมรพูดเชิงขอร้องว่าไม่ให้สูบบุหรี่เนื่องผิดกฎหมายไทยเดี๋ยวตำรวจจะมาจับนะ... เขาพูดสวนมาว่า “อ๊อดจั๊วะ เคิงบ๊อ” แปลว่า
ไม่ได้สูบเลยนะ เห็นเหรอ?... พยาบาลได้เอารูปในมือถือให้ดู
เขาจึงพูดไม่ออก......... (นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
ใครจะทำงานนี้ควรมีมือถือที่ถ่ายรูปได้หรือมีกล้องติดตัวเสมอจ้า.....)
เหนื่อยนะในสถานการณ์แบบนี้ อันที่จริงแล้ว ถ้าตำรวจเขาทำหน้าที่ของเขา เราจะไม่ต้องเสี่ยงชีวิตขนาดนี้เลย ศึกเขมรผ่านไปศึกไทยมาอีก ดูๆไปเหมือนตนเองเป็นโรคจิตนะ จมูกเนี่ย ดี๊ดี
ได้กลิ่นบุหรี่เมื่อไหร่ จะเดินไปตามกลิ่นทันที มีช่วงหนึ่งช่วงต้นปีที่คนงานก่อสร้างเข้ามามากมาย
เวลาเที่ยงกว่าๆจะเริ่มได้กลิ่นแล้ว เจ้าหน้าที่ทุกคนที่ OPD บอกว่า
“คุณนั่นแหละไปพิสูจน์กลิ่น” ภารกิจนี้ ต้องใช้เวลาตามหาที่มาของกลิ่นตั้ง 3
วัน ด้อมๆมอง ทำจมูกฟุตๆฟิต เหมือนอะไรก็ไม่รู้ (ได้กลิ่นบุหรี่เฉพาะช่วงเที่ยงกว่าๆ)
พบว่า เป็นคนงาน คนไทย นั่งสูบบุหรี่อยู่ใต้ทางเดินเชื่อมระหว่างตึก (เขามีความพยายามมากเลยค่ะ เนื่องจากใต้ถุนมีแต่ต้นไม้ใบหญ้า
เขายังซุ่มสูบได้
เห็นแล้วพบความเสี่ยงทันที...เสี่ยงด้านอัคคีภัยค่ะ)
พยาบาลสอบถามว่า “ได้กลิ่นควันบุหรี่ค่ะ.....มีใคร
สูบมั๊ยค๊า” เขาตอบกลับมาว่า “ไม่มีหรอกหมอ...ทำไมจมูกดีจัง” ตอนนั้นเราทำอะไรเขาไม่ได้เพราะไม่มีหลักฐาน
จึงได้ปรับกลวิธีใหม่
ภารกิจจับโจร(สูบบุหรี่) จึงเริ่มขึ้น
ได้เข้าไปพูดคุยขอความร่วมมือจากผู้ควบคุมการก่อสร้างอีกครั้ง แจ้งว่ามีคนเห็นคนงานท่านสูบบุหรี่
และได้บอกว่า “ต่อไปขออนุญาตถ่ายรูปนะคะเพื่อเป็นหลักฐานทางกฎหมาย”
พยาบาลได้แจ้งผู้คุมฯให้ทราบเพื่อให้รู้ว่าเราเอาจริง ....แต่คนงานเขาก็ระวังตัวเองเหมือนกัน
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของนักสืบ เขาจะหยุดสูบและทำเป็นขยี้ใบไม้ใบหญ้า ..........วันหนึ่งได้แอบซุ่มอยู่
และเห็นจังๆ
“อะแฮ่ม”
พยาบาลส่งเสียงกระแอม คนสูบตกใจจนหน้าซีด บุหรี่ตกจากปาก (ขำมาก แต่ระงับอาการไว้)
“ขอโทษค่ะ
ที่ทำให้ตกใจ” พยาบาลพูดและรอดูท่าที
เขาบอกว่า
“ผมว่าจะเลิกแล้วนะหมอ พยายามแล้วนะ แต่ยังไม่ได้”
“มีอะไรให้ช่วยมั๊ยคะ ไหนลองเล่ามาซิ คุณลองเลิกวิธีไหนมาแล้วบ้าง” พยาบาลได้เข้าไปสร้างสัมพันธภาพใช้คำพูดนุ่มนวล
ไม่ตำหนิหรือพูดถึงสิ่งที่เห็นเมื่อสักครู่ เพราะคิดว่าถ้าแจ้งตำรวจก็คง เงียบเหมือนเดิม...........และแล้วเราก็ได้สมาชิกเข้าคลินิกเลิกบุหรี่เพิ่มอีก
1ราย
เรื่องยังไม่จบค่ะเพราะเราเจอ ของแข็ง วันหนึ่งมีลูกจ้างมาบอกว่า
เห็นผู้คุมฯสูบบุหรี่บริเวณที่พักรับประทานอาหารของคนงานก่อสร้าง ที่จริงเห็นบ่อย ลูกจ้างแจ้งว่า “พอดี พี่รู้จักกันกับผู้คุมฯ
ได้บอกเขาแล้วว่าโรงพยาบาลเป็นเขตปลอดบุหรี่ ห้ามสูบ แต่เขาไม่ฟัง
ไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้ว”
....
ภารกิจจับโจร(สูบบุหรี่) จึงเริ่มขึ้นอีก ได้บอกพี่ลูกจ้างว่าถ้าพบอีกไม่ต้องพูดแล้ว
ให้มาบอกเราเลยจะถ่ายรูปไว้ เพราะได้เคยแจ้งเขาไว้แล้ว
คงต้องขอร้องให้ตำรวจได้ทำหน้าที่จริงๆบ้าง
…….แล้ววันหนึ่งก็ได้โทรศัพท์ไปแจ้งตำรวจ ประมาณ 30 นาที เห็นตำรวจสายตรวจรถจักรยานยนต์มา
เราได้ให้ข้อมูลและการดำเนินการที่ได้ดำเนินการไปแล้วในเบื้องต้น ตำรวจขอเข้าไปพูดคุยกับผู้คุมโดยลำพัง ประมาณ 10 นาที แล้วก็ออกมาพร้อมจะกลับ
..เราบอกว่า. เราพร้อมจะนำหลักฐานให้ตำรวจดู แต่ตำรวจบอกว่า
“ไม่เป็นไรหรอกครับพี่”......เอ้า! แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีใครได้กลิ่นบุหรี่หรือพบผู้สูบ ผ่านไป 2 สัปดาห์ พบผู้คุมฯสูบอีก....เฮ่อ!
จะเอาอย่างไรดีหนอ คราวนี้เราหันมาพึ่งสิงศักดิ์สิทธิ์
โดยได้เริ่มใช้พลังจิต ใช้พลังของแรงอธิษฐาน โดยได้อธิษฐานจิตว่า.... สาธุ !
ขอให้ได้เข้าประชุมที่อำเภอแทนท่านผู้อำนวยการทีเถอะ เพี้ยง !
ได้ผลค่ะ
แรงอธิษฐานเป็นจริง ได้เข้าประชุมเตรียมความพร้อมการจัดงานวันต่อต้านยาเสพติดโลกแทนท่านผู้อำนวยการจริงๆ
(ไม่เชื่อ อย่าลบหลู่ คนสุรินทร์ ของเขาแรงนะคะ) โดยหลังจากประชุมจนครบวาระ ในช่วงวาระอื่นๆ พยาบาลได้ขอความร่วมมือทุกหน่วย ช่วยดำเนินการร่วมกันออกตรวจร้านค้า และเฝ้าระวังการบังคับใช้
พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ.2535 และพ.ร.บ.คุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่
พ.ศ.2535 เหมือนทุกปีที่เคยปฏิบัติกันมา และได้เล่าเหตุการณ์และปัญหาอุปสรรคในการดำเนินงานตามพ.ร.บ.คุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ในโรงพยาบาล ให้ที่ประชุมได้รับทราบ ท่านผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธร
สภ.......ได้บอกว่าถ้ามีเหตุฯ อีก ให้ต่อสายตรงถึงผู้กำกับเลย
พร้อมให้เบอร์ไว้และบอกว่า .... “คุณพยาบาลครับ หลังเลิกประชุมพบผมหน่อยนะครับ”
หลังได้พูดคุยกับท่านทำให้ผู้ปฏิบัติมีกำลังใจขึ้นมาก
ดีใจที่มีแนวร่วมสายแข็ง มาปราบของแข็ง
ขอบคุณค่ะท่านผู้กำกับ ฯ