เรื่องเล่าจากประสบการณ์การให้การบำบัดบุหรี่
โรงพยาบาลท่าตูมเปิดคลินิกบำบัดบุหรี่มาได้ประมาณ 5 ปี
แต่สำหรับตัวดิฉันมารับงานการบำบัดบุหรี่เข้าปีที่ 2 สาเหตุเนื่องจากเป็นพยาบาลที่มีโรคประจำตัวเป็นโรครูมาตอยด์ปวดแขนข้างขวาซึ่งไม่เหมาะสมในการให้การพยาบาลบางอย่างได้เช่น
ไม่สามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยด้วยการปั้มหัวใจได้ ซึ่งหัวหน้าได้จัดไห้มาอยู่ก้อไม่เคยให้การบำบัดหรืออบรมการบำบัดบุหรี่มาก่อนเลยจึงอาศัยการหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตและขอคำแนะนำจากผู้ที่เคยผ่านการอบรมเกี่ยวกับการดูแลผู้ติดบุหรี่ซึ่งเป็นเภสัชกรได้รับหนังสือมาและได้ศึกษาวิธีการ
สำหรับ Case ที่ดิฉันรู้สึกประทับใจมากและไม่คิดว่าจะสามารถทำให้ท่านผู้นี้หยุดการสูบบุหรี่ได้คือ พระภิกษุที่ป่วยเป็นจิตเวชมาประมาณ 10 ปี
เริ่มจากแพทย์ OPD บอกว่าปากเหม็นจากการสูบบุหรี่ ครั้งแรกที่พบท่านรู้สึกกลัวเพราะเป็นจิตเวชด้วยเคยเห็นท่านมารับยาจิตเวชบ่อยครั้งในใจคิดว่าคนปกติยังจะเลิกบุหรี่ยากเลยเราจะเอาแรงจูงใจอะไรมาใช้กับท่านดี
ท่านเล่าไห้ฟังว่าเป็นบ้าเมียจึงเลิกไม่มีลูกหรอกเมื่อญาติๆเห็นจึงไห้บวชเพื่อจะหายบ้าพอมาบวชก็รับยาจิตเวชตลอด ส่วนบุหรี่สูบมานานแล้วยิ่งเป็นพระยิ่งมีคนเอามาถวายและจำเป็นต้องสูบและมีเวลาว่างมาก ไม่รู้จะทำอะไรก็ต้องคิดถึงบุหรี่
ช่วงนี้เริ่มมีอาการไอมากขึ้น จึงส่งท่านไห้แพทย์ตรวจได้เอ็กซเรย์พบว่าปอดไม่ดีแล้วน่ะ
ต้องหยุดสูบบุหรี่ จึงนัดมาที่คลินิกสัปดาห์ล่ะ1 ครั้ง และพบว่า 2สัปดาห์แรกยังมีการสูบบุหรี่อยู่แต่ลดลงกว่าเดิม เนื่องจากรู้สึกไม่เป็นสุขมีความกระวนกระวายใจ
เกาหัวจนหัวเจ็บ แล้วท่านก็บ่นไปพร้อมกับหัวเราะ (พระหัวโล้นจะมองเห็นรอยเกาชัดเจน) จึงได้ให้กำลังใจท่านบอกว่า"ท่านเก่งมาก"
แต่ละครั้งที่ท่านมาก็จะบอกท่านว่า "ท่านเป็นคนสำคัญของชาวบ้านเวลาท่านเทศนา ถ้าไม่มีกลิ่นปากก็จะทำให้คนฟังชอบท่านและด้วยเป็นคนที่ชาวบ้านนับถือ สามารถชวนไห้คนในชุมชนลดละเลิกบุหรี่
แล้วถ้าท่านสามารถเลิกได้ 100% คนจะศรัทธาท่านมากเพราะการหยุดสูบบุหรี่มีน้อยคนนักจะเลิกได้" การเลิกบุหรี่ของท่านคือ ซื้อลูกอมมาอมวันละ 20 บาท (15เม็ด/วัน) หลังจากผ่านสัปดาห์ที่ 3 หยุดสูบได้ แต่เปลี่ยนจากลูกอมมาเป็นหมากฝรั่งแทน (เนื่องจากรู้สึกปวดฟันและเหงือก)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น